Top
รู้หรือไม่! ช่วงหน้าฝนพืชมักแสดงอาการขาดธาตุอาหารรอง-เสริม

ในฤดูฝน หลายคนอาจคิดว่าพืชจะได้รับน้ำเต็มที่และเจริญเติบโตได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ช่วงหน้าฝนกลับเป็นช่วงที่พืชเสี่ยงต่อการขาดธาตุอาหารรองและธาตุเสริม (Micronutrients) ได้ง่ายกว่าที่คิด!

สัญญาณที่บอกว่าพืชกำลังขาดธาตุอาหารรอง/เสริม
อาการขาดธาตุอาหารรองมักแสดงออกที่ยอดอ่อนหรือใบอ่อนก่อน เนื่องจากธาตุอาหารเหล่านี้เคลื่อนย้ายในพืชได้ไม่ดีนัก เช่น:

  1. ใบเหลืองซีด หรือเหลืองเฉพาะเส้นใบ โดยที่เส้นใบยังคงเขียว (อาการขาดเหล็ก สังกะสี แมงกานีส)
  2. ยอดใหม่บิดเบี้ยว ไม่สมบูรณ์ หรือยอดแห้งตาย (อาการขาดแคลเซียม โบรอน)
  3. ใบมีขนาดเล็กลง พืชแคระแกร็น ไม่เติบโต

การที่พืช "ขาดธาตุรองหรือธาตุเสริม" ในช่วง หน้าฝน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้:
1. น้ำฝนชะล้างธาตุอาหารในดิน (Nutrient Leaching) :
-
ปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปจะชะล้างธาตุอาหารที่ละลายน้ำได้ง่าย โดยเฉพาะไนโตรเจน และโพแทสเซียม และธาตุอาหารรอง/เสริม เช่น แคลเซียม (Ca), แมกนีเซียม (Mg), สังกะสี (Zn), เหล็ก (Fe), โบรอน (B) ถูกชะล้างออกจากชั้นดินที่รากพืชดูดซึมได้ (ดินชั้นบน) ไปสู่ดินชั้นล่างที่รากไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้พืชไม่สามารถนำไปใช้ได้

- ธาตุรองและเสริมมีปริมาณน้อยในดินอยู่แล้ว จึงสูญเสียได้ง่าย
2. ดินขาดออกซิเจน (Waterlogging/Anoxia)
-
เมื่อฝนตกหนักและต่อเนื่อง ดินจะอุ้มน้ำมากเกินไป ทำให้ช่องว่างในดินถูกแทนที่ด้วยน้ำ ดินที่อิ่มตัวด้วยน้ำทำให้รากพืชขาดออกซิเจน (Anaerobic conditions) รากพืชจึงหายใจได้ไม่เต็มที่ ทำให้การทำงานของรากผิดปกติ ไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ธาตุอาหารนั้นจะมีอยู่ในดินก็ตาม

3. การเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (Soil pH Change)
-
น้ำฝนมักทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้น (pH ลดลง) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถละลายของธาตุบางชนิด เช่น เหล็ก(Fe) และสังกะสี (Zn) ถูกตรึงในรูปที่พืชดูดซึมไม่ได้ หรือโมลิบดีนัม (Mo) จะถูกดูดซึมได้น้อยในดินกรด ในขณะที่แมงกานีส (Mn) อาจเป็นพิษหากมีมากเกินไป

4. กิจกรรมจุลินทรีย์ลดลง (Reduced Microbial Activity)
-
จุลินทรีย์ในดินมีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายอินทรียวัตถุและทำให้ธาตุอาหารต่างๆ เป็นประโยชน์ต่อพืช แต่สภาพดินที่แฉะ ขาดออกซิเจน จะไปยับยั้งการทำงานของจุลินทรีย์ชนิดใช้ออกซิเจน (Aerobic Microbes) ซึ่งส่งผลกระทบต่อวัฏจักรธาตุอาหาร และลดการปลดปล่อยธาตุอาหารให้พืชนำไปใช้ได้

5. ระบบรากเสียหายจากโรคราก/รากเน่า
- ความชื้นสูงเอื้อให้เชื้อราและจุลินทรีย์ก่อโรค เช่น โรครากเน่า (Phytophthora) เจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ดี ส่งผลให้รากพืชถูกทำลาย ดูดธาตุอาหารไม่ได้


วิธีลดความเสี่ยงพืชขาดธาตุรอง/เสริมช่วงหน้าฝน

1. การจัดการระบายน้ำ: ตรวจสอบระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้ดี เพื่อไม่ให้น้ำขังในดินนานเกินไป

2. การปรับปรุงดิน: เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน เช่น ฮิวมิค แอซิด การเติม ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เพื่อช่วยให้ดินร่วนซุย มีโครงสร้างที่ดีขึ้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี

ตรวจสอบค่า pH ในดิน (ควรอยู่ที่ 5.5–6.5)

4. การให้ปุ๋ยทางใบ: การพ่นปุ๋ยธาตุอาหารรอง/เสริมทางใบ เป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขภาวะขาดธาตุอาหารในช่วงหน้าฝน เพราะพืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านระบบรากที่อาจมีปัญหา

5. การตรวจวิเคราะห์ดิน: หากทำได้ ควรส่งตัวอย่างดินไปวิเคราะห์เพื่อทราบปริมาณธาตุอาหารที่แท้จริง จะช่วยให้ใส่ปุ๋ยได้อย่างเหมาะสม

การเข้าใจถึงสาเหตุและสัญญาณเหล่านี้ จะช่วยให้เกษตรกรและผู้ปลูกสามารถดูแลพืชได้อย่างถูกต้อง ลดความเสียหายและเพิ่มผลผลิตได้แม้ในฤดูฝน!

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  • กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
  • สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.).
  • งานวิจัยจากวารสารวิชาการด้านพืชและดิน (เช่น Frontiers in Plant Science, Plant and Soil).
บทความที่เกี่ยวข้อง
การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย
อาการขาดธาตุอาหารของพืช
ข้อมูลแถบสีบนฉลากสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ข้อแตกต่างระหว่างหนอนผีเสื้อ VS หนอนแมลงวัน ชอนใบในมะเขือเทศ
โรคใบด่างจุดวงแหวนในมะละกอ
ผังแสดงตารางการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชบางชนิด
การระบาดของศัตรูพืชช่วงหน้าร้อน
น้ำตาลทางด่วน VS กรดอะมิโน
การปลูกพืชใช้ดินอะไรดี
โรคยอดฮิตในมะละกอ
แนวทางการทำเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง
เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน
เพลี้ยไก่แจ้ส้ม และการป้องกัน
7 วิธีดูแลรักษาไม้ผลในช่วงแล้ง
โรคพืชที่มีสาเหตุมาจากไวรัสในพริก
การตรวจวิเคราะห์ดิน
มารู้จักกับหนอนชอนใบผีเสื้อมะเขือเทศ
โรคราแป้งในเงาะ
รู้ไหมว่าเชื้อ "บีที" คืออะไร
น้ำฝนต่อการเจริญเติบโตของพืช
การดูแลผักในฤดูฝน
ทุเรียนเต่าเผา ทุเรียนไส้ซึม
แต่ละภาค...ปลูกอะไรดี?
โรคเมลาโนสในส้ม
การฉีดพ่นสารทางใบให้ถูกวิธี
การฝังเข็มรักษาโรครากเน่าโคนเน่าอย่างไรให้ได้ผล
เพลี้ยหอยในส้ม
เพลี้ยจักจั่นฝอยทุเรียน
โรคใบจุดสาหร่ายในทุเรียน
โรคใบจุดตากบในพริก
โครงการแก้มลิง
7 วิธีกำจัดหอยทากอย่างปลอดภัย
หนอนม้วนใบส้ม (Citrus leaf-roller)
5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับกระท่อม
การดูแลต้นไม้หลังน้ำลด
ระวัง ไรขาวและโรคกุ้งแห้งระบาดในพริก
โรคกิ่งแห้งทุเรียน จากเชื้อฟิวซาเรียม
โรคราสีชมพูในทุเรียน
หนอนหน้าแมวศัตรูต้วร้ายปาล์มน้ำมัน
โรคเน่าคอดินในผักกินใบ
แมลงศัตรูพืชที่ระบาดในหน้าหนาว
โรคพืชที่ต้องระวังในฤดูหนาว
3 ตัวห้ำ แมลงดีในแปลงเกษตร
ธาตุรอง และ จุลธาตุ ธาตุอาหารสำคัญที่พืชขาดไม่ได้
แมลงศัตรูพืชที่สำคัญในทุเรียน
โรคพืชในทุเรียน
ปลูกมังคุดต้องระวัง (โรคและแมลง) อะไรบ้าง
การใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ
8 เทคนิคการจัดการปุ๋ย
มาทำความรู้จัก ปุ๋ยไนโตรเจนกันเถอะ
โรคและแมลงศัตรูพืชยอดฮิตในพริก
วิธีการดูทุเรียนสุก
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในผักตระกูลกะหล่ำ
การขาดธาตุแมงกานีสในทุเรียน
แมลงและโรคพืชที่ต้องระวังในส้ม
6 เรื่อง...ที่ต้องรู้ก่อนซื้อสารกำจัดศัตรูพืช
อาการ...ขาดธาตุโบรอน ในปาล์มน้ำมัน
อาการขาดธาตุสังกะสี
อาการขาดธาตุแมกนีเซียมในปาล์มน้ำมัน
โรคใบติดทุเรียน ภัยร้าย ทำลายพืช !!
วิธีการฟื้นฟู และดูแลต้นไม้หลังน้ำลด
สีของดินบอกอะไรบ้าง?
4 หลักการใส่ปุ๋ยเคมีให้คุ้มค่า
มารู้จัก แมลงศัตรูพืช กันเถอะ
ประโยชน์ของธาตุแคลเซียมที่มีต่อพืช
การดูแล "ผักสลัด" ในหน้าร้อน ทั้งในและนอกโรงเรือน
5 แมลงศัตรูพืชที่สำคัญในส้ม
บำรุงดินด้วยวิธีธรรมชาติ เคล็ดดลับดูแลต้นไม้แบบประหยัด
ปัญหาพืชหน้าฝน โรครากเน่า โคนเน่า
โรคร้ายทำลายข้าว
อาหารทางใบฉีดพ่นยังไงให้ได้ผล
สารกำจัดศัตรูพืช ยาร้อน ยาเย็น ดูอย่างไร?
โรคพืชที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
โรคพืชในส้มที่ควรระวัง
ศัตรูพืชตัวร้ายในหน้าร้อน
แมลงหวี่ขาว แมลงก่อโรคในพืช
Biostimulant สำคัญกับพืชของเราอย่างไร?
เฝ้าระวังโรคพืชผักในหน้าฝน
ฝังเข็มรักษาโรครากเน่าโคนเน่าในต้นทุเรียนอย่างไรให้ได้ผล